31/5/58

ผลสอบ IELTS (UKVI) จะออกเมื่อไหร่

หลังจากสอบเสร็จคงมีหลายคนกระวนกระวายใจรอผลสอบ IELTS ลุ้นใจจะขาด หรือบางคนก็ต้องวางแผนก่อนสอบว่าจะสอบรอบไหนให้มันได้ผลทันช่วงที่จะใช้

ปกติผล IELTS จะเช็คได้ 2 ทาง

1. ทางออนไลน์ (แบบไม่เป็นทางการ) ผลอันนี้เอาไปใช้ยื่นอะไรไม่ได้ แต่ได้คลายความสงสัย
ผลจะออกเวลา 13:00 หลังจากสอบเสร็จ 13 วัน

เช่น สอบวันที่ 1 ผลจะออกวันที่ 1+13 = 14

https://ielts.britishcouncil.org/checkresults.aspx

https://results.ielts.org/default.aspx?AspxAutoDetectCookieSupport=1

2. ทางเอกสาร โดยของเดิมจะเลือกไปรับเองที่ออฟฟิศหรือส่งไปรษณีย์ก็ได้ แต่ของใหม่ UKVI ผลจะส่งมาที่ที่อยู่ที่ให้ไว้ตอนสมัครเท่านั้น ซึ่งของ British Council  มาไวมากจนเราตกใจ ได้วันถัดจากวันที่เช็คทางออนไลน์ได้เลย

29/5/58

รีวิว : IELTS (UKVI) แบบใหม่จากประสบการณ์ตรง มันต่างจากเดิมยังไงบ้าง

นับว่าปีนี้เป็นอีกปีที่วงการการเรียนต่ออังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงแบบที่คนจะไปเรียนต่องงไปเลย เพราะประกาศเปลี่ยนเกณฑ์ IELTS ออกมาปุบปับช่วงที่หลายๆ คนกำลังเตรียมตัวสอบ ซึ่งการสอบ IELTS ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับใครที่จะไปอยู่ประเทศอังกฤษระยะยาว จากที่เดิมเลือกแค่ว่า Academic หรือ General ตอนนี้มีให้เลือกด้วยว่าจะสอบแบบ UKVI หรือเปล่า

โดยการสอบรูปแบบใหม่นี้จะต่างจากเดิม สิ่งแรกที่ต่างคือ ราคา!!  55555 ล้อเล่นนะ แต่เรื่องจริง แพงขึ้นมาก ระบบเดิม Academic ประมาณ 6,000 กว่า ส่วนนี่ราคาใหม่ รู้สึกจะเท่ากันทั้ง British Council และ IDP ไม่มีความเหลื่อมล้ำแบบแต่ก่อนล้าววว
UKVI – IELTS Academic [10,440 บาท]

UKVI – IELTS General [10,440 บาท]

UKVI – Life Skills A1 [7,830 บาท]

UKVI – Life Skills B1 [7,830 บาท]

ทีนี้คำถามสำคัญคือใครบ้างหล่ะ ที่จะต้องสอบแบบ UKVI หลักๆ คือ ถ้าแบบ Academic ก็สำหรับคนที่จะไปเรียนต่ำกว่าปริญญาตรี เช่นอนุปริญญา หลักสูตร Foundation หรือหลักสูตร Pre-sessional ส่วนแบบอื่นๆ สำหรับคนที่ต้องการขอวีซ่าไปอังกฤษระยะยาว เช่น ติดตามคู่สมรสไป

ใครไม่ได้จะใช้ขอวีซ่าอังกฤษ เช่น ใช้ยื่นหลักสูตรอินเตอร์ในไทย หรือใครมั่นใจว่าสอบผ่านแน่นอนไม่ต้องเรียนพรี ก็แนะนำว่าไม่ต้องสอบแบบใหม่ให้สิ้นเปลืองเงินก็ได้นะ เพราะข้อสอบชุดเดียวกัน คือตอนแรกที่รู้นี่แอบแซวว่าจ่ายเยอะกว่า ปล่อยเกรดเปล่า 5555 (#ผิด!!)

ต่อไปก็ขอเล่าประสบการณ์ เราสมัครแบบ Academic ของ British Council ทางออนไลน์ เพราะถูกกว่าไปเอง (เหตุผลด้านเศรษฐกิจล้วนๆ) โดยตอนสมัครก็เตรียมรูปถ่ายของเรา และข้อมูลส่วนตัวจากบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตให้พร้อม แต่ไม่ต้องใช้รูปถ่ายบัตรประชาชนแล้ว

ข้อมูลพร้อมแล้วก็ไปสมัครที่เว็บนี้ http://takeielts.britishcouncil.org/locations/thailand  อันบนแบบเดิม อันล่าง UKVI (แบบใหม่) ตอนสมัครตั้งสติกดให้ถูกอันนะ เช็คได้อีกทีตอนจะกดจ่ายเงินว่าราคาใช่อันที่เราตั้งใจสมัครไหม

สมัครเสร็จก็เตรียมตัวอ่านหนังสือนู่นนี่ไป ทางบริติชแนะนำเพจนี้มา https://th-th.facebook.com/ieltsbcthailand ขอสารภาพว่าตอนเราสอบไม่ได้ดูหรอก อ่านไม่ทัน มาสมัครเอาวันท้ายๆ แต่ดูแล้วเนื้อหาน่าสนใจมากเลยเอามาลงไว้ คนอื่นจะได้ไม่พลาดแบบเรา

พอถึงวันสอบ สิ่งสำคัญที่ต้องเอาไปนอกจากดวงก็คือ สำเนาบัตรประชาชน*** ขอย้ำด้วยดอกจันล้านดอก เพราะเกือบทุกคนไม่รู้จ้า เลยไม่ได้เอาไป ต้องไปเสียค่าซีรอกซ์ 7 บาทต่อหน้า เป็นอะไรที่ฮือฮามาก (กับราคาอัน...) ที่เราต้องพกไปด้วยเพราะระบบไม่ได้ให้เราอัพสำเนาบัตรตอนสมัคร ถึงเราจะล็อกอินเข้าไปอัพทีหลังก็ต้องพกไปอยู่ดี 

อีกอย่างที่เจ้าหน้าที่ที่สยามบอกให้พิมพ์ออกมาคือใบเสร็จ แต่พอไปถึงสนามสอบไม่ได้ใช้นะ ไม่มีใครเรียกดู ถึงยังงั้นก็มีประโยชน์คือไว้เช็คข้อมูลของเราได้แหละ ว่าสอบที่ไหน ใครเลือกที่กรุงเทพน่าจะได้สอบที่โรงแรม Landmark ถ้ามา BTS ก็ง่ายเลย ลงสถานีนานา ออก EXIT 2

การสอบ IELTS เริ่ม 9:00 แต่เขาจะนัด 8:00 ก็เผื่อเวลาหน่อย เพราะมาถึงจะต้องเช็คชื่อเราจากบอร์ดว่าลำดับที่เท่าไหร่ นั่งตรงไหน ใครมีของก็ฝากของ ห้ามนำทุกสิ่งเข้า ยกเว้นตัวกับเสื้อผ้า นาฬิกาก็ต้องถอด ดังนั้นไม่ต้องพกมา ให้ดูที่จอเอา ซึ่งเราว่ามันเสียเวลาเยอะกว่า ต้องก้มๆ เงยๆ ไม่ชินอะ ใครเตรียมตัวสอบลองซ้อมดูนะ ไม่ต้องใส่นาฬิกาข้อมือ!!!

แล้วก็เดินไปลงทะเบียน แยกแถวตามเลขลำดับของเรา เสร็จแล้วก็ไปแสกนลายนิ้วมือพร้อมถ่ายรูป (ด้วยใบหน้าอันยับเยินจากความเกร็ง) ซึ่งรูปนี้จะติดมาในใบผลสอบ IELTS ของเราด้วย เสร็จแล้วก็เข้าห้องสอบได้

ใครมาถึงห้องสอบก่อนสามารถลองเอาหูฟังเอามาซ้อมฟังเล่นได้ ซึ่งหูฟังนี่จะติดกับเครื่องส่งสัญญาณไร้สาย แอบตื่นเต้นกับเทคโนโลยี อย่าลืม เปิดเครื่อง! และปรับช่องให้ตรงกับที่เขากำหน้ด (ปกติจะตั้งไว้ตรงแล้ว) เขาจะมีขึ้นวิธีใช้ไว้บนจอ ระหว่างรอสอบก็จะมีเทปของข้อสอบเก่าๆ ให้ฝึกฟังฝึกใช้เครื่องไป ส่วนใครเลือกสอบที่ IDP ปกติเขาจะไม่มีหูฟังให้นะ (จากที่เคยสอบแบบเดิม) เขาให้นั่งฟังรวมกันในห้องสอบ เปิดลำโพงเอา

พอใกล้เวลาเจ้าหน้าที่จะประกาศระเบียบการสอบ ระหว่างสอบก็ทำตามที่เขาบอกอย่างเคร่งครัด มีคนข้างๆ เขายังไม่บอกให้เขียนชื่อ ให้วางดินสอไว้ ดันหยิบดินสอมาเขียนชื่อ โดนกรรมการมียืนพูดด้วยเสียงดังกว่าเดิมแบบ 2 เท่าพร้อมสายตาจิกๆ แบบบริทิชขนานแท้ UU;; (และมีวิดีโอบันทึกภาพไว้ โอววว)

คือไฮไลท์ของการสอบ IELTS UKVI หรือรูปแบบใหม่นี้คือการที่มีวิดีโอบันทึกทุกขั้นตอน ประหนึ่งเราอยู่ในรายการเรียลลิตี้ ไม่ว่าจะบ้าน AF, American Next Top Model จิ้นกันตามสะดวก ถ่ายตั้งแต่เดินไปสแกนนิ้วอะ ดังนั้นอย่าคิดตุกติก จากแบบเดิมที่ก็เกร็งมากละนะ อันนี้ไม่กล้ากระดิกตัวเลย ตอนเขียนๆ พอเขาบอกให้วางดินสอเผลอโยนทิ้งเลยก็มี 5555

ข้อสอบก็เริ่มจากพาร์ทฟัง อ่าน แล้วก็เขียน เสร็จแล้วก็ดูสติกเกอร์ชื่อเราที่มุมโต๊ะว่าเราสอบพูดกี่โมง ดึงกลับไปด้วยเพราะต้องใช้เลขที่สอบตอนดูผลออนไลน์ หรือเอาไว้เป็น Reference กรณีมีปัญหา

สุดท้าย ผลคะแนน ส่งทางไปรษณีย์เท่านั้น! ไม่มีการรับเอง ใครรีบใช้นับวันเผื่อด้วย เราก็เพิ่งรู้วันสอบ

ทั้งหมดนี้คือจุดหลักๆ ที่คิดว่าน่าจะต่าง และสำคัญ เพราะเราไม่เคยสอบแบบเดิมของบริติช เคยแต่สอบของ IDP อาจจะตกหล่นไปบ้างก็ขออภัย ส่วนรายละเอียดเรื่องการสอบขอติดไว้บทความหน้า ก่อนที่จะเบื่อกันเสียก่อนจ้า ^^



28/5/58

รีวิว : อัพเดทการไปตรวจวัณโรคที่ IOM 2015 สำหรับคนจะขอวีซ่าระยะยาว



รีวิว : อัพเดทการไปตรวจวัณโรคที่ IOM 2015 สำหรับคนจะขอวีซ่าระยะยาว


สำหรับใครที่จะไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน ตอนจะทำ VISA ระยะยาวของบางประเทศจะต้องยื่นเอกสารรับรองสุขภาพด้วย ซึ่งเขาก็จะให้ไปตรวจที่ International Organization for Migration (IOM) ที่นี่เป็นเหมือนหน่วยงานกลางที่จะตรวจร่างกายตามเงื่อนไข VISA ของแต่ละที่แล้วก็ออกใบรับรองให้ ใครจะไปประเทศไหนก็ลองเช็คเงื่อนไขของ VISA ประเภทที่จะขอดูว่าต้องการเอกสารรับรองจากที่นี่ไหม
ถ้าใครรู้ตัวแล้วว่าต้องใช้ก็อยากแนะนำให้เผื่อเวลามาเร็วๆ หน่อย เหตุผลแรกคือต้องจองคิวตรวจ บางช่วงอย่างช่วงใกล้ๆเปิดเทอม ก.ค. – ส.ค. คนก็จะเยอะ คิวเต็ม เพราะเป็นช่วงที่เด็กที่ไปเรียนต่อจะมาตรวจกัน ส่วนใหญ่เท่าที่แอบสังเกตคนที่มาส่วนใหญ่ก็วัยรุ่น ดูแล้วน่าจะไปเรียนต่อ แล้วอีกเหตุผล (ซึ่งขอสารภาพตอนแรกเราแอบลืม) คือมีบางคนที่ตรวจแล้วมีปัญหา อาจะต้องรอถึง 2 เดือน!!! อย่างของอังกฤษบังคับให้ตรวจวัณโรค แล้วถ้าฟิล์มมีปัญหาปอดเป็นรอย จะต้องมาให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างเสมหะที่สำนักงาน และรอผลอีก 2 เดือน ถ้าใครมาเอาใกล้ๆ อาจจะทำให้ขอวีซ่าไม่ทันได้ (ตอนเดินเข้าไปแอบได้ยินเจ้าหน้าที่บอกกับอีกท่านหนึ่งอยู่ว่าให้รอสองเดือน ถึงกับผงะ)
แต่ก็อย่าเพิ่งตื่นเต้น มาล่วงหน้าสักปีนึงอะไรงี้ 5555 คือต้องคำนวณด้วยว่ามาไม่เร็วกว่า 6 เดือนก่อนเดินทาง เพราะใบ certificate ที่ได้รับรองว่าปลอดโรค (ฟังดูแหม่งๆ) มีอายุแค่ 6 เดือน และเราต้องใช้ตอนขอวีซ่ากับตอนเข้าประเทศเขาครั้งแรก (ถ้าตม.ที่นู่นขอดู)
ใครกำหนดวันได้แล้วก็โทรไปจองคิวที่ Tel: (66) 2-234-7950-5 เขาเปิดทำการจันทร์ – ศุกร์8.00 น. ถึง 17.00 น.
หรือถ้าของวีซ่าอังกฤษจะจองคิวที่เว็บนี้ก็ได้  https://register-uktb.iom.int/uktbdp-register/login.jsp
ถ้าจองแล้วขอให้ชัวร์ เพราะถ้าจองแล้วไม่มาหรือมาสาย ในเว็บเขาบอกว่าจะโดนแบนไปหลายเดือน
วิธีการมาก็สะดวกดี มาได้หลายเส้นทาง สำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้น 8 Kasemkij Building ตึกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึก C.P.Tower ที่สีลมเลย
ถ้ามารถ BTS ก็ลงสถานีศาลาแดง ออก Exit No.1 เดินตรงมาไม่นาน (ขนาดคนหลงๆ แบบเราก็ยังมั่วๆ ไปได้)
ถ้าใครมารถ MRT ให้ออกทางออก 2 เดินมาทาง C.P.Tower แล้วข้ามถนน
หรือใครจะนั่งรถเมในเว็บเขาก็แนะนำว่ามีสาย 206, 501, 514, 136, 4, 12, 77, 137, 179, 15, 68, 76, 105, 140, 141, 53, 115, 64, 162, 163, 177, 164, 504, 28, 29, 32, 66, 67, 45, 75.
อันนี้แผนที่
จากเว็บ http://th.iom.int/index.php/contact
ทีนี้ก็เอกสารที่ต้องเตรียม อันนี้แหละที่ไม่ค่อยเหมือนที่เคยอ่านรีวิวมา
ตอนนี้สำหรับบุคคลทั่วไปเอกสารใช้แค่
1. พาสปอร์ตตัวจริง
2. สำเนาพาสปอร์ต
3. เงินสด 3,300 บาท
4. พิมพ์ที่อยู่ในประเทศที่จะไป ถ้าใครไปเรียนยังไม่ได้จองหอ บอกชื่อมหาวิทยาลัยให้เจ้าหน้าที่ได้
สำหรับเด็กต่ำกว่า 18 ต้องมีผู้ปกครองพามา
รูปถ่ายไม่ต้องใช้ เขาให้ถ่ายกล้องที่เคาน์เตอร์ตอนพิมพ์ประวัติเลย
บัตรประชาชนก็ไม่เห็นพูดถึง เพราะฉะนั้นแลกไว้ที่พี่รปภ.ข้างล่างได้แล้ว ไม่มีปัญหา
พอมาถึงก็(มีรปภ.ช่วย)กดบัตรคิว รอเรียกไปกรอกประวัติ เช็คข้อมูลให้ละเอียดว่าถูกต้องไหม แล้วเจ้าหน้าที่จะให้เลือกโรงพยาบาล เท่าที่ทราบคือตอนนี้มีที่ร.พ.กรุงเทพคริสเตียน กับพญาไท 2 เขาก็แนะนำว่ากรุงเทพคริสเตียนก็ใกล้ดี เดินไม่ไกล น่าจะกลับมาทันยื่นผลรอบเช้าก่อน 11:30 แต่เราเห็นว่าเวลามันอาจจะไม่ทัน เลยเลือกไปพญาไทเลย เขาก็คงเห็นถึงความรู้สึกอยากอู้ของเรา เลยกำชับว่าต้องมายื่นผลก่อน 14:30 นะ ก็โอเค เกือบลืม จ่ายเงิน 3300 ที่นี่เลย แล้วตอนไปโรงพยาบาลจะมีใบส่งตัวไป ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว
สำหรับใครที่จะไปตรวจที่พญาไท 2 ลง bts สนามเป้า เดินย้อนมา ให้ติดต่อเคาน์เตอร์ชั้น 1 ตึก 1 และพยายามย้ำกับเขาว่ามาตรวจปอดของ IOM เพราะตอนแรกเราไปติดต่อตึก 2 ส่งเราไปไหนไม่รู้ -*-  พอเปลี่ยนชุดแล้วเข้าเอ็กซเรย์ปอดเสร็จก็รอฟิล์มราว 30 นาที ก็จะได้ซองใส่ซีดีมา ห้ามเปิดซองเอง เขาจะมีการเซ็นกำกับและติดสติ๊กเกอร์ซีลไว้ ก็รีบกลับมายื่นซองที่ IOM ประมาณบ่ายโมงกว่าก็เริ่มเรียกคิวรอบบ่าย เหมือนมีบางคนมายื่นไว้ก่อนแล้วหนีไปกินข้าวหรือเปล่าไม่รู้ เรียกคิวแล้วปรากฎว่าตัวไม่อยู่ ใครจะใช้วิธีนี้มั่งอาจจะต้องกะเวลาหน่อย
พอถึงคิวเราก็เข้าไปพบคุณหมอได้เลย เปิดห้องเอง ตอนแรกแอบรอนึกว่าต้องให้พยาบาลเรียกแบบในโรงพยาบาล (คือที่นี่ไม่มีนะ 555) คุณหมอก็คลิกๆๆๆ ปรากฏว่า….  ระบบไม่ลิ้งค์จ้า ก่อนที่หมอจะพบว่า… “อ้าว ไปตรวจที่พญาไทหรือครับ?” แป่วววว คือคนส่วนใหญ่ตรวจกรุงเทพคริสเตียน และระบบน่าจะลิ้งค์กันมั้ง – -” คุณหมอก็ลองคลิกใหม่ ก็ยังไม่มา (เริ่มกังวลละ) ดีที่หมอบอกว่าไม่เป็นไร เปิดจากซีดีก็ได้ เสร็จแล้วก็ตอบคำถามสุขภาพนิดหน่อย ก็เป็นอันเสร็จ หมอบอกให้ไปรอรับใบ certificate (ในหัวมันชอบแปลเป็นใบประกาศอยู่เรื่อย แบบว่าประกาศคุณความดี มีปอดแข็งแรง 5555)
พอออกมาก็มารอรับใบประกาศหน้าเสาธง เอ้ย หน้าห้องตรวจ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะเรียกเอง คือเราก็งงมาก ถามเขาทุกขั้นตอน เลยตั้งใจว่าจะกลับมาทำรีวิวดีกว่า ก็รอแปบเดียวเจ้าหน้าที่ก็เรียกไปว่าได้แล้ว อธิบายเรื่องว่าใช้ตอนทำวีซ่าให้ยื่นตัวจริงกับสำเนา แล้วเก็บตัวจริงกลับพกติดตัวไปตอนเดินทางด้วย อย่าให้เกิน 6 เดือน แต่ถ้าหลังจากนั้นกลับบ้านปิดเทอมแปบเดียวไม่เป็นไร
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กลับบ้าน เดินหาขนมกินเล่นแถวนั้นได้  :)